Thursday, August 27, 2020

Ngoc Son Temple

 วัดหง็อกเซิน หรือวัดเนินหยก

    สวัสดีค่ะ วันนี้กลับมาพบกันอีกครั้งกับบล็อกการท่องเที่ยว หลังจากห่างหายไปนานแสนนานกับการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว และวันนี้เราก็จะพาทุกท่านไปชมสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ใกล้ ๆ บ้านเรา อย่างประเทศเวียดนาม ซึ่งประเทศเวียดนามนี้นะคะ เป็นประเทศที่อยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งอยู่ทางตะวันออกสุดของคาบสมุทรอินโดจีน มีพรหมแดนติดกับประเทศจีน ทางตอนเหนือ ประเทศลาวและประเทศกัมพูชา ทางทิศตะวันตก และอ่าวตังเกี๋ย ทะเลจีนใต้ อ่าวไทย ทางทิศตะวันออกและใต้ โดยเมืองหลวงของประเทศเวียดนามก็คือ ฮานอย ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่จะพาไปชมในวันนี้ก็อยู่ในฮานอยเช่นเดียวกัน จะเป็นอย่างไร ไปชมกันได้เลยยย

source: https://www.google.co.th/url?sa=i&url=https%3A%2F%2Fwww.tripadvisor.com%2FAttraction_Review-g293924-d311074-Reviews-Ngoc_Son_Temple-Hanoi.html&psig=AOvVaw3TrSEOMYVMxG7rse_gsT3t&ust=1598627642404000&source=images&cd=vfe&ved=2ahUKEwj_pKaX1rvrAhVW5TgGHep6DcAQjRx6BAgAEAc


วัดหง็อกเซินสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 บนเกาะหยกในใจกลางของ 'ทะเลสาบของคืนดาบ' หรือทะเลสาบฮ่วานเกี๊ยม ตํานานเล่าว่าจักรพรรดิได้รับเมื่อได้รับดาบวิเศษซึ่งช่วยให้เขาเอาชนะราชวงศ์หมิงจีนและในการทําเช่นนั้นเห็นการกลับมาของเต่าทองพระเจ้าที่ทะเลสาบ

ปัจจุบัน "Turtle Tower" ตั้งอยู่ใกล้กับทะเลสาบเพื่อรำลึกถึงตำนานนี้ นอกจากนี้ยังมีเต่าตะพาบขนาดใหญ่ที่ใกล้สูญพันธุ์ว่ายน้ำในทะเลสาบและการได้เห็นตะพาบเหล่านี้ถือเป็นมงคลอย่างยิ่ง ชื่อของวัดแปลว่า 'วัดเนินหยก' และส่วนใหญ่อุทิศให้กับนายพล Tran Hung Dao ซึ่งเป็นวีรบุรุษสงครามผู้ซึ่งเอาชนะกองกำลังติดอาวุธที่มีทหาร 300,000 คนส่งโดยจักรพรรดิ Kublai Khan ของมองโกเลียในศตวรรษที่ 13 เพื่อบุกเวียดนาม

นอกจากนี้ภายในเจดีย์ยังมีรูปปั้นครึ่งตัวขนาดใหญ่สีบรอนซ์และเทพอื่น ๆ มีแท่นบูชาที่อุทิศให้กับ Tran Hung Dao สิ่งประดิษฐ์โบราณบางอย่างรวมถึงเซรามิกและตัวอย่างเต่ายักษ์ที่เก็บรักษาไว้ซึ่งพบในทะเลสาบน้ำหนัก 250 กิโลกรัม



source: https://www.google.co.th/url?sa=i&url=https%3A%2F%2Fwww.synotrip.com%2Fhanoi-vietnam%2Fvietnam89%2Fngoc-son-temple-temple-jade-mountain&psig=AOvVaw2AAombqxa6En6BuBKWJLYp&ust=1598627540937000&source=images&cd=vfe&ved=0CAIQjRxqFwoTCIiPzuLVu-sCFQAAAAAdAAAAABAJ



source: https://www.google.co.th/url?sa=i&url=https%3A%2F%2Ffocusasiatravel.com%2Fngoc-son-temple-temple-of-the-jade-mountain%2F&psig=AOvVaw2GVW6zzPO5PCicGhqU-9LE&ust=1598627651357000&source=images&cd=vfe&ved=0CAIQjRxqFwoTCIilhJTWu-sCFQAAAAAdAAAAABAK


สถาปัตยกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ตั้งอยู่ถัดจากทะเลสาบฮวนเกี๊ยม เพื่อเข้าสู่วัด, นักท่องเที่ยวจะข้ามสะพาน Huc และเดินผ่าน Tam Quan, ซึ่งหมายความว่าสาม - ประตูทาง ในด้านนอกของประตูแรก, ตัวอักษรจีนสองตัวถูกวาดด้วยสีแดงซึ่งหมายถึงความสุข (Phuc) ในด้านขวา และความเจริญรุ่งเรือง (Loc) ในด้านซ้าย 

ด้านหลังประตูแรกคือ Pen Tower  ที่ทําจากหินและตั้งอยู่ในเนินด็อกตัน เพนทาวเวอร์มีห้าชั้นที่มีความสูง 28 เมตร จุดสูงสุดของหอคอยมีรูปทรงของปากกาขนนกที่ชี้ไปยังท้องฟ้า ร่างของหอคอยถูกสลักตัวอักษรสามตัว "Ta Thanh Thien " ซึ่งหมายความว่า "เขียนบนท้องฟ้าสีฟ้าใส " เพนทาวเวอร์ มีวัตถุประสงค์เพื่อเน้นวัดที่อุทิศให้กับวรรณกรรมและบทกวี 

source:source: https://www.google.co.th/url?sa=i&url=https%3A%2F%2Fwww.istockphoto.com%2Fphoto%2Fthe-pen-tower-on-the-ngoc-son-temple-hoan-kiem-lake-hanoi-gm822631004-133110243&psig=AOvVaw2cJkfjNz75KTO1i9-oNHvq&ust=1598627819861000&source=images&cd=vfe&ved=0CAIQjRxqFwoTCLjtsurWu-sCFQAAAAAdAAAAABAE


source: https://www.google.co.th/url?sa=i&url=https%3A%2F%2Fwww.indochinatravelpackages.com%2Fattraction%2Fngoc-son-temple%2F&psig=AOvVaw2TDBfpwhmfQmiAy_uHYou7&ust=1598627575774000&source=images&cd=vfe&ved=2ahUKEwjDw8P31bvrAhVN7jgGHfrtBrkQjRx6BAgAEAc

ประตูที่สองล้อมรอบด้วยสัญลักษณ์เต๋า โดยเฉพาะในมือขวาเป็นสัญลักษณ์ของมังกรในมือ ด้านซ้ายเป็นเสือ สัญลักษณ์เหล่านี้มีลักษณะสําหรับเสถียรภาพของการก่อสร้างขนาดใหญ่ซึ่งเป็นไปตามทฤษฎีฮวงจุ้ย 

ประตูสุดท้ายมีผนังสูงหลังคาและประตูกลิ้ง บนหลังคามีหินขนาดใหญ่เป็นตัวแทนของหม้อหมึก ดังนั้นประตูนี้ชื่อ Dai Nghien (แผ่นเขียนหรือแผ่นหมึก) ที่มีรูปร่างของครึ่งหนึ่งของลูกพีช เหงียนแวนซิอูใส่หินนี้บนหลังคาเพื่อให้เงาของเพนทาวเวอร์จะตกบนหินหมึกในเดือนพฤษภาคม 5 ในแต่ละปี

โดยทั่วไปแล้วสถาปัตยกรรมของวัดหง็อกเซินมีความงดงามอย่างโบราณกลมกลืนกับธรรมชาติ นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ที่มีสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมจำนวนมากที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณและความคิดของนักวิชาการในเวลานั้น นอกจากทะเลสาบฮว่านเกี๊ยมและหอคอยเต่าแล้ว วัดหง็อกเซินยังเป็นสถานที่ทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของฮานอย โดยสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้เป็นสถานที่ที่เหมาะสําหรับผู้ที่ต้องการเที่ยวชมฮานอยในอดีต 

source: https://www.google.co.th/url?sa=i&url=https%3A%2F%2Fwww.saigontouristvietnam.com%2Fen%2Fdestination%2F428%2Fngoc-son-temple&psig=AOvVaw00bwzOqlOZ00RceIPK9v8f&ust=1598627968974000&source=images&cd=vfe&ved=0CAIQjRxqFwoTCPi9rr3Xu-sCFQAAAAAdAAAAABAE


ที่ตั้ง 🚩

วัดหง็อกเซินตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเลสาบฮว่านเกี๊ยม (Hoan Kiem) ในเมืองฮานอย ทางตอนเหนือของเวียดนาม


    เป็นยังไงกันบ้างคะ สำหรับการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์อย่างวัดหง็อกเซิน ในประเทศเวียดนาม น่าไปเที่ยวชมวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์กันรึเปล่าเอ่ย ถ้าน่าเที่ยวต้องลองไปสักครั้งแล้ว หากผู้อ่านท่านใดมีโอากาสไปเที่ยวฮานอยก็อย่าลืมแวะไปเที่ยวชมกันด้วยนะคะ วันนี้บล็อกการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ต้องขอจบลงเพียงเท่านี้ ครั้งหน้าจะเป็นที่ไหน หรืออะไร ต้องคอยติดตามชอบ สำหรับวันนี้ขอบคุณและสวัสดีค่ะ


อ้างอิง

Alotrip. (มปป). Ngoc Son Temple. สืบค้นเมื่อ 27 สิงหาคม. จาก https://www.alotrip.com/guide-vietnam-attractions/ngoc-son-temple

Hanoi. (มปป). Hoan Kiem Lake & Ngoc Son Temple. สืบค้นเมื่อ 27 สิงหาคม. จาก http://www.vietnam-guide.com/hanoi/hoan-kiem-lake.htm

ฐานข้อมูลศิลปกรรมในเอเชียอาคเนย์. (มปป). หง็อกเซิน หรือ วัดเนินหยก. สืบค้นเมื่อ 27 สิงหาคม. จาก http://www.art-in-sea.com/th/data/vietnam-art/viet-art/itemlist/category/86-%E0%B8%AB%E0%B8%87%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%99-%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD-%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%A2%E0%B8%81.html

การเตรียมการของมัคคุเทศก์

สวัสดีค่ะ กลับมาพบกันอีกครั้ง สำหรับบล็อกการแนะนำวิธีการปฏิบัติงานของมัคคุเทศก์ วันนี้จะมาอธิบายการทำงานของมัคคุเทศก์ในช่วงเตรียมการก่อนที่จะต้องออกไปปฏิบัติหน้าที่จริง รับรองว่าเป็นประโยชน์แน่นอน ไปชมกันเลยยย


source:https://www.google.co.th/url?sa=i&url=http%3A%2F%2Fwww.thesiamhotel.com%2Fbangkok-guide%2F&psig=AOvVaw3DItTWLvzTl1e5TKc7s4jU&ust=1598609603973000&source=images&cd=vfe&ved=0CAIQjRxqFwoTCNjO6faSu-sCFQAAAAAdAAAAABAD

สำหรับขั้นตอนการปฏิบัติงานนำเที่ยวของมัคคุเทศก์จะมีอยู่ 4 ขั้นหลัก ๆ ดังนี้

1. การเตรียมตัวก่อนปฏิบัติหน้าที่

    โดยการเตรียมตัวก่อนปฏิบัติหน้าที่นี้สำคัญมาก ๆ เพราะเพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างราบเรียบที่สุดต้องมีการวางแผนและศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ให้ดีก่อน โดยการเตรียมตัวหมายถึงการศึกษาความรู้ในด้านต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น ต้องมีการศึกษากิจการของบริษัทนำเที่ยว และที่ขาดไม่ได้เลยก็คือการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับบริษัทนำเที่ยวที่สังกัดอยู่และบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง การมีมนุษย์สัมพันธ์ดี ไม่ว่าจะทำงานกับใครก็จะเป็นเรื่องดีกับเราเสมอ


2. การรับมองหมายงานจากบริษัทนำเที่ยว

    การรับมอบหมายงานจากบริษัทนำเที่ยวนั้นปกติแผนกปฏิบัติการของบริษัทนำเที่ยวจะเป็นผู้พิจารณา ตามความสามารถและความถนัดของตัวมัคคุเทศก์ แต่หากมัคคุเทศก์ที่มีความมั่นใจในประสบการณ์ทำงาน สามารถที่จะเสนอตัวไปเป็นมัคคุเทศก์ของสถานที่ที่ต้องการได้ ทั้งนี้มัคคุเทศก์ไม่ควรใช้การติดต่อผ่านโทรศัพท์ในการสอบถามรายละเอียดของงาน เพื่อไม่ให้เกิดความสับสนและการสื่อสารอาจไม่ครบถ้วน โดยข้อมูลต่าง ๆ ที่มัคคุเทศก์จะเป็นต้องรับรู้และเข้าใจอย่างชัดเจน เมื่อได้รับมอบหมายงานจากบริษัท มีรายละเอียดดังนี้

    - รายละเอียดในใบงาน (Job Order or Tour Order)

    - จำนวนและข้อมูลของนักท่องเที่ยว

    - รายการนำเที่ยวฉบับสมบูรณ์ เช่น วันเวลาในการเดินทาง ยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทางในแต่ละสถานที่ สถานที่พักแรม ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว และร้านขายของที่ระลึกต่าง ๆ

    - รายละเอียดของการชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในระหว่างการนำเที่ยว

    - เอกสารและอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่

    - นโยบายของบริษัทในกรณีที่เกิดปัญหาหรือเหตุผิดปกติขึ้น


source: https://www.google.co.th/url?sa=i&url=https%3A%2F%2Fwww.withlocals.com%2Flocals%2Fthailand%2Fguides%2F&psig=AOvVaw3VmKicqCUy6vta3-yq3qYk&ust=1598608817856000&source=images&cd=vfe&ved=0CAIQjRxqFwoTCICutYCQu-sCFQAAAAAdAAAAABAD

3. การตรวจสอบเอกสาร การจัดเตรียมอุปกรณ์ และการเตรียมตัวปฏิบัติงาน

    การตรวจสอบเอกสาร ประกอบด้วย

    - ใบงาน

    - รายการนำเที่ยวสำหรับผู้นำเที่ยว

    - ใบ Voucher หรือสัญญาการซื้อบริการนำเที่ยว

    - สำเนาจดหมายติดต่อธุรกิจระหว่างบริษัทนำเที่ยวกับสถานประกอบการต่าง ๆ

    - รายชื่อนักท่องเที่ยวสำหรับการจัดที่นั่งทั้งบนรถและบนเครื่องบิน

    - รายชื่อนักท่องเที่ยวสำหรับการจัดห้องพัก ที่เรียกว่า Rooming list

    สำหรับการนำเที่ยวออกนอกประเทศ (Outbound Tour) จำเป็นต้องตรวจสอบเอกสารสำหรับใช้ในการเดินทางเพิ่มเติม ดังนี้

    - บัตรโดยสารเครื่องบินของนักท่องเที่ยว

    - แบบฟอร์มการเข้า - ออกประเทศ (Immigration Form) และแบบฟอร์มการแจ้งรายการสิ่งของต่อศุลกากรของประเทศที่จะเดินทางไป

    จัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็นในการนำเที่ยว ประกอบด้วย

    - ป้ายชื่อหรือสติกเกอร์ (Tag) สำหรับติดกระเป๋าเดินทางของนักท่องเที่ยว

    - ริบบิ้นสีสดใสสำหรับผูกติดกระเป๋าเดินทางของนักท่องเที่ยว

    - ป้ายชื่อนักท่องเที่ยวสำหรับให้นักท่องเที่ยวติดไว้กับตัว

    - สิ่งของกระจุกกระจิกสำหรับให้บริการและอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยว

    - อาหารและเครื่องดื่ม

    - อุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับจัดกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสนุกระหว่างการเดินทาง

    - เครื่องมือปฐมพยาบาล (First Aid Kit)

    - เครื่องขยายเสียงแบบพกพา

    การเตรียมตัวปฏิบัติงาน

    - การเตรียมตัวด้านข้อมูล

    - เตรียมการด้านติดต่อประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องหน่วยงานที่มัคคุเทศก์อาจต้องติดต่อประสานงานก่อนปฏิบัติหน้าที่ เช่น กองอุทยานแห่งชาติ กรมป่าไม้; ที่พักแรมและการนำชม, กรมศิลปากร; ในด้านการเข้าชมแหล่งท่องเที่ยวประวัติศาสตร์, กรมทางหลวง ตำรวจทางหลวง ตำรวจท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย บริษัทประกันภัย

    - เตรียมตัวเอง ก่อนปฏิบัติงานควรเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ อย่าง ด้านสุขภาพ, ด้านของใช้ส่วนตัว, ด้านเอกสารส่วนตัว


source: https://www.google.co.th/url?sa=i&url=https%3A%2F%2Fcareer.guru99.com%2Ftop-15-tour-guide-interview-questions%2F&psig=AOvVaw0KgHfKjopvQsq934f3LrMG&ust=1598608922362000&source=images&cd
=vfe&ved=2ahUKEwiGyfG4kLvrAhXj_zgGHRrxAQUQjRx6BAgAEAc

4. การปฏิบัติหน้าที่ในระหว่างการเดินทาง

    ในวันแรกของการเดินทางก่อนออกเดินทาง

    - มัคคุเทศก์ควรเดินทางมาถึงบริษัทนำเที่ยวล่วงหน้าก่อนออกเดินทางไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมง

    - จากนั้นเดินทางไปยังจุดพบนักท่องเที่ยวก่อนเวลานัดหมายประมาณ 1 ชั่วโมง

    - ถ้าเป็นการนำเที่ยวภายในประเทศ ส่วนใหญ่มักจัดผู้ช่วยมัคคุเทศก์ให้เดินทางร่วมไปกับมัคคุเทศก์ด้วย

    - มัคคุเทศก์ควรตรวจสอบความเรียบร้อยของรถ อุปกรณ์และสิ่งของตลอดจนพนักงานขับรถ

    - กรณีที่เป็นรถเช่า มัคคุเทศก์ควรขอให้บริษัทติดต่อประสานงานไปที่บริษัทรถเช่า เพื่อให้มาจัดการดูแลความเรียบร้อยของรถก่อนออกเดินทาง

    - มัคคุเทศก์ควรรอต้อนรับนักท่องเที่ยวบริเวณใกล้ ๆ กับรถที่จอดอยู่

    - กรณีที่มีรถใการนำเที่ยวจอดอยู่เป็นจำนวนมาก ควรจำป้านชื่อโปรมแกรมนำเที่ยวติดไว้ที่หน้ารถ

    - เมื่อสังเหตเห็นบุคคลที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นนักท่องเที่ยว ควรเข้าไปสอบถาม กล่าวทักทาย ตลอดจนช่วยหิ้วกระเป๋า

    - ก่อนที่จะนำกระเป๋าและสัมภาระต่าง ๆ ขึ้นเก็บที่รถ ควรติดป้ายชื่อหรือสติกเกอร์สำหรับเขียนนักท่องเที่ยว (Tag) ไว้ที่กระเป๋าเดินทาง

    - หลังจากนั้นจึงแจ้งหมายเลขที่นั่งบนรถให้กับนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งช่วยเปิดประตูรถให้

    - ในระหว่างที่รอนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ ควรแจกผ้าเย็นหรือเสิร์ฟน้ำแก่นักท่องเที่ยวที่มานั่งรอบรถ

    - ในกรณีที่มีผู้ช่วย มัคคุเทศก์ควรมอบหมายให้ผู้ช่วยทำหน้าที่นี้

    - มัคคุเทศก์ควรตรวจสอบจำนวนและรายชื่อนักท่องเที่ยวที่มาถึงโดยใช้ Name List ช่วยในการตรวจสอบ

    - เมื่อถึงเวลารถต้องออกเดินทางตามกำหนดเวลา แต่ยังคงมีนักท่องเที่ยวบางคนที่ยังไม่มา มัคคัเทศก์ควรรออีกประมาณ 30 นาที

    - เมื่อเวลาผ่านไป 30 นาที นักท่องเที่ยวยังคงไม่มาและไม่ได้ติดต่อมาว่าติดเหตุขัดข้องใด มัคคุเทศก์ต้องตัดสินใจออกเดินทาง พร้อมทั้งชี้แจงให้นักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ ทราบ

    - มัคคุเทศก์ต้องแจ้งรายชื่อนักท่องเที่ยวที่ไม่ได้เดินทางกับบริษัทนำเที่ยวเพื่อให้บริษัทดำเนินการยกเลิกห้องพัก ตลอดจนการใช้บริการอื่น ๆ กับสถานประกอบการต่าง ๆ 

    ในช่วงแรกของการเดินทางก่อนถึงสถานที่ท่องเที่ยวหรือโรงแรม

    กล่าวเปิดการเดินทาง ประกอบด้วย

    - กล่าวทักทายและต้อนรับนักท่องเที่ยวพร้อมทั้งแนะนำตนเองและเพื่อนร่วมงาน

    - แนะนำนักท่องเที่ยวถึงวิธีการใช้สิ่งอำนวยความสะดวกบนรถ พร้อมทั้งแจ้งถึงการบริการที่จัดให้

    - จัดกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวรู้จักกัน

    - ชี้แจงรายการนำเที่ยว

  • การเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยว การนำชม และหรือการอำนวยความสะดวกในระหว่างการเดินทาง มัคคุเทศก์ควรสรุปย่อ ๆ ให้นักท่องเที่ยวทราบถึงโปรแกรมการเดินทาง
  • สิ่งที่มัคคุเทศก์พึงระวังในการนำเที่ยว คือ ต้องนำนักท่องเที่ยวเดินทางตามกำหนดการเดินทางอย่างเคร่งครัด
  • และในกรณีที่เกิดเหตุสุดวิสัยหรือเหตุจำเป็นใด ๆ ที่ทำให้ต้องเปลี่ยนโปรแกรมการนำเที่ยว ควรแจ้งให้นักท่องเที่ยวทราบพน้อมทั้งอธิบายเหตุผลดังกล่าวด้วย
  • เมื่อเดินทางใกล้ถึงสถานที่นำชมตามรายการนำเที่ยว มัคคุเทศก์ควรอธิบายความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่นั้น ๆ ให้นักท่องเที่ยวทราบ
    เทคนิคการพูดบนรถ

    - เลือกตำแหน่งบนรถที่ตนเองถนัดเพื่อใช้เป็นที่บรรยาย
    - ควรประสานสายตา (Eye Contact) กับนักท่องเที่ยวเวลาพูด
    - การถือไมโครโฟน ควรถือให้ใกล้ปากแต่ไม่ชิดปากจนเกินไป
    - ไม่ควรถือแผ่นกระดาษขณะพูด
    - ไม่คควรเอาจริงเอาจังกับการอธิบายเรื่องที่หนัก หรือเครียดมากเกินไป
    - พึงระลึกเสมอไว้เสมอว่า คนส่วนใหญ่มักมีสมาธิในการฟังเรื่องราวต่าง ๆ ประมาณ 25 นาที
    - ถ้าเส้นทางที่รถกำลังวิ่งผ่านไม่มีสิ่งใดน่าสนใจ ควรเรื่องทั่ว ๆ ไป
    - ในการพูดเรื่องใดก็ตาม ควรวิเคราะห์ตัวนักท่องเที่ยว

    เมื่อเดินทางถึงสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว
   
    - ก่อนลงจากรถควรตกลงเรื่องเวลากับนักท่องเที่ยวก่อน โดยบอกเวลาในขณะนั้นและเวลาที่ต้องขึ้นรถอีกครั้ง
    - การปฏิบัติต่อนักท่องเที่ยว พึงระลึกว่า ต้องปฏิบัติกับนักท่องเที่ยวทุกคนให้เท่าเทียมกัน
    - เมื่อนักท่องเที่ยวลงจากรถมาครบจำนวนแล้ว มัคคุเทศก์เริ่มปฏิบัติหน้าที่นำชมและบรรยายตามจุดต่าง ๆ ตามที่อธิบายไว้บนรถ 

source: https://www.google.co.th/url?sa=i&url=https%3A%2F%2Finternationalliving.com%2Fhow-do-you-become-a-tour-guide-fyl%2F&psig=AOvVaw2QqqB3rCHPriTGLqz7wXNe&ust=1598608864855000&source=images&cd=vfe&ved=0CAIQjRxqFwoTCJDcxZqQu-sCFQAAAAAdAAAAABAP


เป็นยังไงกันบ้างคะวันนี้ ได้ทราบถึงสิ่งที่มัคคุเทศก์ต้องปฏิบัติก่อนการนำเที่ยวและสิ่งที่มัคคุเทศก์เหล่านี้ควรทำไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ต้องมีการเตรียมตัวหลายอย่างมาก ๆ เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างเรียบร้อย และสมบูรณ์ที่สุด โดยเนื้อหาครั้งนี้อัดแน่นมาก ผู้เขียนหวังว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจนะคะ สำหรับขอตัวลาไปก่อน ไว้เจอกันคราวหน้า จะเป็นบล็อกเกี่ยวกับเรื่องอะไร คอยติดตามชมกันด้วยนะคะ

Wednesday, August 19, 2020

Guide to Guide

 สวัสดีค่ะ กลับมาพบกันอีกครั้ง คราวนี้มาเร็วกว่าปกติ และเนื้อหาที่จะมานำเสนอก็ต่างไปจากเดิมด้วย โดยวันนี้ เราจะมาสรุปเนื้อหาจากสิ่งที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานของมัคคุเทศก์ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมาก สำหรับคนที่เรียนหรือทำงานในการท่องเที่ยว อย่างตัวดิฉันเอง ที่เรียนในสาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอกการท่องเที่ยว มองว่าข้อมูลเหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อทั้งการเรียนและการทำงานในอนาคตอย่างมาก โดยประเด็นที่จะพูดในวันนี้มีด้วยกัน 3 ประเด็นหลักด้วยกัน เนื้อหาความรู้วันนี้จะเป็นอย่างไร ไปดูกันเลยค่ะ

source: https://th.bing.com/th/id/OIP.Tp49s8igK8643O4ZVKLJPwHaFj?pid=Api&rs=1


1. กระบวนการทำงานของมัคคุเทศก์

ในขั้นตอนนี้ถือเป็นขั้นเริ่มต้น หรือเป็นการแนะนำให้นักท่องเที่ยวได้รู้เและเข้าใจวัฒนธรรมของประเทศที่ควรปฏิบัติดังนี้

- ข้อมูลพื้นฐานทั่วไปของสถานที่ท่องเที่ยว เพื่อให้นักท่องเที่ยวเข้าใจข้อมูลพื้นฐานก่อนที่จะเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวนั้น ๆ ได้อย่างลึกซึ้ง และรู้ที่มาความสำคัญ นอกจากข้อมูลพื้นฐานของสถานที่ท่องเที่ยวแล้ว ยังต้องบอกเรื่องระยะเวลาที่จะเที่ยวชมสถานที่นั้น ๆ บอกตำแหน่งห้องน้ำ เพื่อหากนักท่องเที่ยวคนไหนต้องการที่จะเข้าห้องน้ำก็สามารถไปได้

- กฏที่ต้องทำตาม ข้อห้ามต่าง ๆ เช่น ในบางสถานที่มีห้ามถ่ายรูป หรือควรถอดรองเท้าก่อนเข้าสถานที่บางสถานที่ เมื่อเข้าไปในอาคารแล้วควรถอดหมวก เป็นต้น

- ข้อควรระวัง เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ควรที่จะเตือนเรื่องของความปลอดภัย เช่น หากพื้นมีรอยราวบนพื้น ให้หลีกเลี่ยงการเดินบริเวณนั้น และการห้ามให้อาหารสัตว์ในสถานที่บางสถานที่ เช่น พระปรางค์สามยอด จังหวัดลพบุรี ที่มีเจ้าลิงครองบริเวณนั้นจำนวนมาก และพวกลิงเหล่านั้นก็มีนิสัยดุร้าย จึงควรเตือนนักท่องเที่ยวไม่ให้ไปเล่นหรือเหย่มัน เพื่อความปลอดภัย และไม่ให้ถูกทำร้ายหรือแย่งของได้

- รายละเอียดโปรแกรม เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รู้แผนคราว ๆ ว่าในแต่ละวันจะไปไหนบ้าง ไปทำอะไร 

- จุดนัดพบ ข้อนี้สำคัญมาก เพราะหากนักท่องเที่ยวเกิดพลัดหลงจากกลุ่มก็จะสามารถที่จะกลับมารวมตัวกับกลุ่มได้ และนอกจากนี้ในกรณีที่มีการปล่อยให้นักท่องเที่ยวเดินชมสถานที่ด้วยตัวเอง ก็ยังสามารถรวมตัวกันได้ถูกที่อีกด้วย ทั้งนี้ก็ควรจะกำหนดเวลานัดพบด้วย

source: https://images2.minutemediacdn.com/image/upload/c_crop,h_1540,w_2744,x_0,y_175/f_auto,q_auto,w_1100/v1554745935/shape/mentalfloss/553931-istock-872001496.jpg


2. เนื้อหา

ในส่วนของเนื้อหา เป็นส่วนที่จะพูดถึงว่าสถานที่ที่นำชมนี้ คืออะไร ตั้งอยู่ที่ไหน สร้างหรือเกิดขึ้นมานานแค่ไหนแล้ว ใครเป็นคนสร้าง ด้วยเหตุผลอะไร และอย่างไร ซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐาน เชิงลึกหรือตื้นอยู่ที่ลักษณะของทัวร์นั้น ๆ หรือกลุ่มนักท่องเที่ยว ช่วงอายุ การศึกษา และความสนใจ โดยแบ่งที่จะพูดได้ดังนี้

- Must talk เป็นสิ่งที่ต้องพูด อย่างเช่น ข้อมูลเบื้องต้นที่ต้องรู้ อย่างสถานที่นี้คืออะไร อยู่ที่ไหน สร้างขึ้นมาตอนไหน เป็นต้น

- Should talk เป็นสิ่งที่ควรจะพูด แต่ก็ต้องดูว่านักท่องเที่ยวมีความสนใจแค่ไหน หากมีความสนใจ มีคำถามหรือข้อสงสัยใด ๆ ก็ควรพูดเพิ่มเติมให้นักท่องเที่ยวเข้าใจได้มากยิ่งขึ้น

- Could talk เป็นสิ่งที่สามารถพูดเพิ่มเติมได้ อย่างเกล็ดความรู้เล็ก ๆ ที่จะทำให้เพิ่มความสนใจแก่นักท่องเที่ยวได้ แต่อย่างไรก็ตามต้องขึ้นอยู่กับนักท่องเที่ยวว่ามีความสนใจมากน้อยแค่ไหน และเรื่องของเวลา หากยังพอมีเวลาเหลือให้สามารถพูดได้ก็สามารถพูดเพิ่มเติมได้

source: https://i.ytimg.com/vi/7bjEic4K-Eo/maxresdefault.jpg


3. เทคนิคการนำชมของมัคคุเทศก์

ในส่วนของเทคนิคการนำชมนั้นจะประกอบไปด้วยท่าทาง ภาษากายเป็นหลัก เป็นการใช้จิตวิทยาเบื้องต้น ที่จะมาการสังเกตอารมณ์ ความสนใจของนักท่องเที่ยว

- บุคลิกภาพ มีความมั่นใจ ยิ้มแย้มตลอดเวลา มีการสบตาและมองหน้านักท่องเที่ยวขณะบรรยาย เพื่อให้รู้ว่ายังอยู่ด้วยกัน และเพิ่มความสนใจมากขึ้น ทั้งนี้ท่าทางประกอบ การผายมือไปยังสถานที่หรือสิ่งที่จะให้ชมก็ยังเพิ่มความสนใจได้อีกด้วย

- จุดนำชมที่เหมาะสม โดยเป็นจุดที่ไม่ร้อน มีร่ม และมองเห็นจุดที่จะอธิบายได้อย่างชัดเจน ซึ่งการหาจุดนำชมที่เหมาะสมนี้สำคัญมาก เพราะนอกจากจะทำให้นักท่องเที่ยวสามารถยืนอยู่ได้ในระยะเวลาหนึ่งแล้ว ก็ยังทำให้ไม่ต้องเคลื่อนย้ายจุดนำชมไปหลาย ๆ จุด เพราะบางทีกลุ่มนักท่องเที่ยวมากันหลายสิบคน อาจทำให้การเคลื่อนคนไปเรื่อย ๆ เป็นจำนวนมากนั้น ไม่สะดวกนั่นเอง

- การพูด ต้องพูดจาชัดเจน มีจังหวะขึ้นลง เน้นเสียงสูงต่ำ เพื่อเพิ่มความน่าสนใจและเน้นสิ่งที่จะทำให้นักท่องเที่ยวได้โฟกัสได้ดี นอกจากนี้ควรที่จะอธิบายคำศัพท์เพิ่มเติมที่นักท่องเที่ยวอาจไม่เข้าใจได้ เป็นศัพท์เฉพาะในช่วงแรก บอกความหมายในภาษาที่จะสามารถเข้าใจได้ จากนั้นก็สามารถพูดเป็นภาษาที่นักท่องเที่ยวเข้าใจ แต่ควรอธิบายคำศัพท์เฉพาะ เพื่อเป็นความรู้และให้เข้าใจด้วย

source: https://bethbc.edu/wp-content/uploads/2019/01/IMG_0950-1024x683.jpg


เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับวันนี้ เนื้อหาเป็นเทคนิคการนำชมสถานที่ท่องเที่ยวล้วน ๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นการทำงานของไกด์ในช่วงเริ่มต้น การบรรยายเนื้อหา และการนำชมที่ใช้ภาษากายเป็นส่วนมาก ซึ่งตัวผู้เขียนเอง หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย และหากมีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ อย่างไรก็ตามหากมีข้อติชม สามารถเขียนบอกได้เพื่อการปรับปรุง การเขียนในครั้งหน้า สำหรับวันนี้ ขอตัวลาไปก่อนนะคะ แล้วครั้งหน้าจะมาเขียนเรื่องอะไร อย่าลืมติดตามชมกันนะคะ ขอบคุณค่ะ

Friday, August 14, 2020

วิถีชีวิตจากยุคหินเก่า ยุคหินใหม่ สู่การเป็นอารยธรรม

 วิถีชีวิตจากยุคหินเก่า ยุคหินใหม่ สู่การเป็นอารยธรรม


    กลับมาพบกันอีกครั้ง สืบเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้วที่มีการพูดถึงวิวัฒนาการของมนุษย์ก่อนที่จะมาเป็นมนุษย์ในปัจจุบันหรือที่เรียกกันว่า Homo Sapiens Sapiens ซึ่งมีต้นแบบมาจาก Homo Sapiens แต่ในวันนี้เราจะไม่ได้มาพูดถึงลักษณะของมนุษย์แล้ว เพราะเราจะมาพูดถึงการเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของคนในยุคหินเก่า ที่พัฒนาต่อมาในยุคหินใหม่ และนำมาสู่การเกิดเป็นอารยธรรมในที่สุด ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงพัฒนาการที่เกิดขึ้นในยุคต่าง ๆ ตามมาว่ามนุษย์นั้นมีวิถีชีวิตอย่างไร แล้วเปลี่ยนไปจากเดิมมากน้อยแค่ไหน ดังนั้นอย่ารอช้าอยู่เลยดีกว่า ไปพบกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของวิถีชีวิตตั้งแต่ยุคหินเก่า ยุคหินใหม่ สู่การเป็นอารยธรรมกันเลย

source: https://humanoriginproject.com/wp-content/uploads/2018/11/ancient-mesopotamian-civilizations-thumbnail.jpg


ยุคหินเก่า Paleolithic Era (Old Stone Age)

  • ในยุคหินเก่านี้เป็นที่ทราบกันว่าเป็นยุคแรกเริ่มของมนุษย์ที่มีค้นพบร่องรอยของการดำรงชีวิตแบบที่ยังไม่ซับซ้อนเป็นการเร่รอนหาของป่าล่าสัตว์ไปวัน ๆ ยังไม่มีการลงหลักปักฐานสร้างที่อยู่ที่แน่นอนชัดเจน และมักจะเดินทางออกไปเรื่อย ๆ เพื่อหาแหล่งที่อยู่และอาหารใหม่เสมอ
  • เครื่องมือที่ใช้ในการดำรงชีพจะเป็นเครื่องมือที่ทำจากหิน และในยุคนี้มีการเรียนรู้ที่จะใช้ไฟแล้ว 
  • ทั้งนี้ก็เริ่มมีการพัฒนาการใช้ภาษาสื่อสารกัน และทำให้เกิดเป็นการเริ่มบันทึกสิ่งต่าง ๆ ลงตามธรรมชาติ เช่น การเขียนภาพผาผนังถ้ำและการทำรูปแกะสลัก 
  • และในยุคนี้เราจะเห็นการฝังศพด้วย
source: https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgfLS5o2M_QkkFtJbwdXM684FHbccUyzcS-yzblKrmhHSBnX5pqaMyvMg7JZblwXOOd1R5tdPNL56YgnkZUtzpp7oIe2_9IaZcLxKG5sk6cS1tAlGOv94IOoPAVu_7GIjNYWaQ6UREcLXo/s640/stoneage_cave.jpg


ยุคหินใหม่ Neolithic Era (New Stone Age)
  • ในยุคหินใหม่นี้จะเริ่มเห็นการอยู่รวมกันในหมู่มากและมีการตั้งหลักปักฐานอย่างมั่นคง เพราะด้วยการเริ่มพัฒนาในเรื่องของเกษตรกรรม การเลี้ยงสัตว์และปลูกพืชที่เป็นอาหารที่มีความมั่นคงกว่าในยุคหินใหม่ เพราะไม่ต้องเร่รอนไปวัน ๆ อีกต่อไปแล้ว
  • ต่อมามีการพัฒนาเครื่องมือให้มีความจำเพาะมากขึ้นต่อจุดประสงค์ที่จะใช้งาน
  • การเพิ่มขึ้นของกิจกรรมในชุมชนเกษตรกรรม อย่างเช่น การแลกเปลี่ยนสิ่งของ การแบ่งชนชั้นทางสังคมก็เริ่มเกิดขึ้นแล้วในช่วงยุคหินใหม่นี้ แม้อาจจะยังไม่ชัดเจนมาก
  • การพัฒนาเทคโนโลยีต่าง ๆ ทั้งเครื่องปั้นดินเผา การทอผ้า จนไปถึงการไถ ที่เป็นวิถีชีวติที่เห็นได้ในยุคหินใหม่

source: https://historiamolim6000.files.wordpress.com/2014/10/early-agriculture.jpg


อารยธรรม Civilizations
  • จากพัฒนาการของทั้งยุคหินเก่า และยุคหินใหม่ ทำให้นำมาสู่การพัฒนาเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ของยุคอารยธรรมที่เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในหมู่สังคมเมืองที่มากขึ้น การตั้งหลักปักฐานของผู้คนมีการขยายในวงกว้าง ไม่เพียงแค่คนที่เป็นครอบครัวอยู่ด้วยกันเหมือนในยุคหินเก่าและยุคหินใหม่แล้ว แต่วิถีชีวิตของคนในยุคนี้เป็นการอาศัยอยู่รายล้อมไปด้วยผู้คนจากต่างที่ต่างถิ่นต่างครอบครัว อยู่ร่วมกันเป็นสังคมใหญ่
  • การอยู่ร่วมกันเป็นสังคมใหญ่นี้ก็นำไปสู่การจัดระเบียบของสังคมที่จะทำให้สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข โดยเริ่มมีการพัฒนาระบบการปกครอง มีศูนย์กลางทางความเชื่อศาสนา
  • เริ่มมีการแบ่งชนชั้นทางสังคมอย่างชัดเจน โดยจะแบ่งจากความสามารถ อาชีพที่ประกอบ หรือครอบครัวที่เกิดมา โดยอาชีพที่ประกอบนั้นจะเริ่มมีความชำนาญและเฉพาะทางมากยิ่งขึ้น ไม่ได้ทำเพียงการเกษตรอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีทั้งผู้ปกครอง เหล่าทหาร นักรบ ผู้ถือศิลป์ พ่อค้า วิศวกร ช่างฝีมือ ทั้งนี้ชนชั้นทางสังคมที่พบได้ในเกือบทุกยุคก็คือทาส ซึ่งเป็นชนชั้นที่เกิดขึ้นจากการล่าคนล่าพื้นที่เป็นต้น
  • นอกจากนี้แล้วยังมีพัฒนาระบบชลประทานที่ทำให้เกิดเสถียรภาพด้านการบริโภค ซึ่งอาจมากเกิดจนทำให้ล้นไปเลย
source: http://www.thaigoodview.com/files/u17449/civiv_screenshot2.jpg


    ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงของการเข้าสู่เมืองในยุคแรก ซึ่งมีความแตกต่างจากวิถีชีวิตแบบหมู่บ้านเกษตรกรรมอย่างมาก เมืองในยุคแรกนั้นมีความแตกต่างจากหมู่บ้านเกษตรกรรม ในด้านของขนาดซึ่งเมืองในยุคแรกนั้นมีขนาดที่ใหญ่กว่า มีความหลากหลายของผู้คน โดยในหมู่บ้านเกษตรกรรมนั้นจะอาศัยกันเป็นครอบครัว แต่ในเมืองจะเป็นการอยู่อาศัยร่วมกันกับผู้อื่น ดั่งเพื่อนบ้าน ดังนั้นประชากรก็จะมีความหนาแน่นกว่า พอเกิดเป็นสังคมดังนี้จึงทำให้มีการก่อตั้งองค์กรที่จะมาคอยจัดระเบียบสังคมในเมือง มีขอบเขตที่ชัดเจนยิ่งขึ้น และยังมีศูนย์กลางทั้งทางการค้าและความเชื่อ 

Thursday, August 6, 2020

วิวัฒนาการของมนุษย์

 

    มนุษย์มีต้นกำเนิดหลายล้านปีมาแล้ว โดยแรกเริ่มนั้นลักษณะและการดำรงชีวิตมีความแตกต่างจากมนุษย์ในยุคปัจจุบันอยู่มาก ทั้งทางด้านการหาอาหาร การใช้เทคโนโลยี และลักษณะทางกายภาพที่ล้วนเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมรอบข้างและกาลเวลาที่เปลี่ยนไป จนทำให้มนุษย์เกิดวิวัฒนาการต่าง ๆ โดยค่อย ๆ มีการเปลี่ยนแปลงไปทีละเล็กทีละน้อย จนได้มาเป็นมนุษย์อย่างปัจจุบัน 

source: https://cdn.zmescience.com/wp-content/uploads/2018/03/Prehistory_at_Nairobi_National_Museum.jpg


วิวัฒนาการของมนุษย์ยุคแรก

Australopithecine

    พบในแอฟริกา ประมาณ 4-5 ล้านปีก่อน

    มีการยืนตรงเดินสองขา

    สมองขนาด 1 ใน 3 ของสมองมนุษย์ปัจจุบัน

Homo Habilis

    พบในแอฟริกา ประมาณ 2.4 ล้านปีก่อน

    ใช้หินเป็นเครื่องมือในการตัดหั่น

    สมองมีขนาดครึ่งของสมองมนุษย์ปัจจุบัน

Homo Erectus

    ปรากฏในแอฟริกา ประมาณ 2-1.5 ล้านปีก่อน

    ใช้หินเป็นควานเป็นเครื่องมือ

    เรียนรู้การใช้ไฟ

    มีการอพยพออกจากพื้นที่

Homo Sapiens

    ปรากฏในแอฟริกาประมาณ 2 แสนปีก่อน

    มีการอพยพไปทั่วโลก

    เป็นประเภทเดียวกันกับมนุษย์ปัจจุบัน

    มีการใช้เครื่องมือหลากหลาย, เรียนรู้การจุดไฟ, เริ่มใช้ภาษา


✏Homo Erectus

    Homo Erectus ที่เข้ามาในเอเชียพบอยู่สองประเภท โดยพบครั้งแรกเมื่อปี 1891 ที่เกาะโซโล ทางตะวันออกของชวา เรียกว่า Java man โดยขุดค้นพบฟัน กะโหลก และกระดูกส่วนขา ต่อมาปี 1923 พบ Peking man ในถ้ำใกล้กับหมู่บ้านโจโคเดียน ใกล้กับปักกิ่ง  

source: http://listverse.wpengine.netdna-cdn.com/wp-content/uploads/2017/09/Java-Man.jpg


source: http://image.en.yibada.com/data/images/full/43783/a-monument-marks-the-site-where-the-fossilized-skeleton-of-the-peking-man-was-unearthed-in-1929-in-zhoukoudian-a-small-village-about-50-km-southwest-of-beijing.jpg



การปรับตัวของมนุษย์

หินเก่า
    มีการใช้หินบิ่น เครื่องมือที่เป็นไม้และกระดูก การสร้างตาข่ายจากใยพืชและเอ็นของสัตว์
    ขัดหินให้แหลม มีการใช้เครื่องมือที่เฉพาะขึ้น เช่น การสิ่ว,การเจาะ,การเลื่อย

หินใหม่ เป็นยุคเกษตรกรรม
   พืช:มีพันธ์ุพืชใหม่ แหล่งอาหารใหม่ ผู้คนเริ่มที่จะเรียนรู้การทำไร่ทำสวน มีการเลี้ยงสัตว์ มีการจัดหาอาหารที่กว้างขึ้น
   สัตว์:เลี้ยงสัตว์ โดยการเลือกและสืบพันธุ์อย่างระวังขึ้น พบสุนัขตั้งแต่ 1 หมื่นปีที่แล้วเป็นสัตว์เลี้ยง มีประมาณการจัดหาจัดเก็บเนื้อสัตว์ นม หนังสัตว์ และ ขนแกะที่มากขึ้น
   การเติบโตของการเกษตร:การใช้ประโยชน์ของพืช, การเลี้ยงสัตว์ มีการกระจายตัวไปยังพื้นที่อื่น อย่างในเอเชียก็จะพบ ข้าว,แอฟริกา วัวควาย, แม็กซิโก ข้าวโพด, อเมริกาใต้ มัน

source: https://historymadeeveryday.files.wordpress.com/2013/09/neolithic-age.jpg

    และนั่นก็เป็นที่มาว่ามนุษย์มาจากไหน แล้วมนุษย์เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างไร หากมองย้อนกลับไปตามทั้งยุคก่อนประวัติศาสตร์กระทั่งมาถึงทุกวันนี้ จะเห็นว่ามนุษย์เรามีวิวัฒนาการเปลี่ยนไปมาก และจุดเปลี่ยนที่สำคัญเลยก็คือในยุคหินใหม่ที่เริ่มมีการเกษตรเข้ามา และทำให้เกิดการพัฒนาในด้านต่าง ๆ ตามมาอย่างต่อเนื่อง

วัดศรีเมือง

 สวัสดีค่ะ กลับมาพบกันอีกครั้ง หลังจากห่างหายกันไปสักพัก โดยครั้งก่อนเราได้พาไปเที่ยวพม่าแล้ว วันนี้เรากลับมาเที่ยวกันที่ประเทศเพื่อนบ้านใกล...